การเลือกกรอบแว่นสายตา เป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำ เลนส์โปรเกรสซีฟ ไม่ว่าจะเป็นความกว้าง ความสูงของกรอบ ที่เพียงพอต่อการใช้งานทุกระยะ ตำแหน่งการวางของกรอบแว่นที่ต้องกำหนดค่าความห่าง ความเท ความโค้ง ต้องสามารถปรับและดัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดได้ การใส่แว่นสำหรับเลนส์โปรเกรสซีฟนั้น ต้องเลือกขนาดของแว่นที่มีความกว้าง และความสูงของหน้าแว่นให้เหมาะสมเข้ากับรูปหน้าของผู้สวมใส่ ถ้ากรอบมีขนาดเล็กเกินไปจะทำให้พื้นที่ของเลนส์ส่วนที่ใช้อ่านหนังสือเหลือน้อย ดังนั้นควรเลือกกรอบแว่นให้เหมาะสมเพื่อความรู้สึกสบายตาและความเป็นธรรมชาติในการใช้งาน

พารามิเตอร์ที่สำคัญ ในเลนส์โปรเกรสซีฟ มีดังนี้

1. มุมโค้งหน้าแว่น (Face Form Angle)

เขียนตัวย่อว่า FFA ความโค้งหน้าแว่นที่เหมาะสมค่ามาตรฐานประมาณ 5 องศา คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน + / – 2 องศา หากคลาดเคลื่อนมากกว่านี้ จะมีผลทำให้พื้นที่อ่านหนังสือแคบลงถึงครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น กรอบแว่นควรโค้งเข้าตามรูปหน้าเพื่อให้มีพื้นที่การมองที่กว้างที่สุดตามความโค้งของลูกตาซึ่งภาพที่รับสู่จอตาจะไม่บิดเบือน ถ้าหากต้องการใช้แว่นที่มีหน้าแว่นโค้งเกิน 5 องศา ขึ้นไป เช่น แว่นทรงสปอร์ตที่มีความโค้งของหน้าแว่นมากๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะต้องเป็นเลนส์ที่ใช้เทคโนโลยี individual parameter optimization จึงสามารถใช้งานเลนส์โปรเกรสซีฟได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเลนส์ชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟปกติ

ตัวอย่างภาพ การวางกรอบแว่นบน Face Form Angle ruler จากภาพนี้วัดค่า FFA ของกรอบแว่น = 0 องศา
Sources: APC Thai, www.apcthai.com

ภาพแสดง Face Form Angle 0 องศา ที่เรียกว่า “หน้าแว่นแอ่นออก” เมื่อวางกรอบแว่น จุดที่ 2 และ 3 บนเส้นตรง หากจุดที่ 1 และ จุดที่ 4 อยู่ในแนวเดียวกันกับจุดที่ 2 และ 3 แสดงว่า Face Form Angle เป็นศูนย์ (หน้าแว่นแอ่นออก) จากรูปค่า Face Form Angle 0 องศา หากลูกค้าใส่แว่นโพรเกรสซีฟแล้วหน้าแว่นแอ่นออกแบบนี้ จะทำให้พื้นที่อ่านหนังสือแคบลงจนแทบไม่สามารถใช้งานได้ วิธีแก้ไข จะต้องดัดหน้าแว่นให้โค้งเข้าหาใบหน้า ข้างละ 2.5 องศา จึงจะใช้งานได้ดี

 

 

Sources: www.dreamstime.com

ZERO WRAP

กรอบแว่นหน้าตรง (FFA= 0 องศา) กรอบแว่นประเภทนี้ใช้สำหรับทดสอบหรือลองค่าสายตาในห้องตรวจ ขณะที่วัดสายตา ตาจะต้องมองตรงผ่านเลนส์แบบตั้งฉาก เพื่อไม่ให้สายตาคลาดเคลื่อนขณะทำการตรวจวัดสายตา และแว่นหน้าตรงที่มักพบเจอ ณ ปัจจุบันคือแว่นกันแดดบางรุ่น


IDEAL WRAP

แว่นที่ได้มาตรฐานจะมีความโค้งประมาณ 5 องศา เหมาะที่จะใช้ประกอบเลนส์โปรเกรสซีฟตั้งแต่รุ่นมาตรฐานขึ้นไป​

 

 

IDEAL WRAP กรอบแว่นโค้งประมาณ 5 องศา ใช้ประกอบเลนส์โปรเกรสซีฟ ตั้งแต่รุ่นมาตรฐาน
​Sources: www.facebook.com


MEDIUM WRAP

กรอบแว่นที่มีความโค้ง 7 – 15 องศา จัดอยู่ในกลุ่มแว่นกึ่งสปอร์ต ความโค้งของกรอบแว่นเริ่มส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเลนส์ทั้งเลนส์ชั้นเดียวและเลนส์โปรเกรสซีฟ ดังนั้นตัวเลนส์ที่เหมาะสมต้องเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟที่มีคุณภาพสูง ส่วนเลนส์โปรเกรสซีฟระดับมาตรฐานโครงสร้างของเลนส์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับกรอบแว่นที่มีความโค้งมากๆ

 

 

กรอบแว่นที่มีความโค้ง 7 – 15 องศา ต้องเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟที่มีคุณภาพสูง
Sources: www.pinterest.com


HIGH WRAP

กรอบแว่นที่มีความโค้ง 15-25 องศาขึ้นไป จัดอยู่ในประเภทแว่นสปอร์ต ซึ่งมีความโค้งที่ผิดธรรมชาติ ถ้าใช้โปรเกรสซีฟระดับมาตรฐานโครงสร้างของเลนส์ไม่สามารถรองรับกรอบแว่นประเภทนี้ได้ แต่ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบโครงสร้างเลนส์เพื่อรองรับกรอบทีมีความโค้งมากๆ เช่น โปรเกรสซีฟประเภทกลุ่มสปอร์ต Impression Sport 2 เป็นต้น

 

 

กรอบแว่นที่มีความโค้ง 15-25 องศาขึ้นไป ใช้กับเลนส์โปรเกรสซีฟประเภทกลุ่มสปอร์ต Impression Sport 2 ขึ้นไป
Sources: www.nikevision.com


2. มุมเทหน้าแว่น (Pantoscopic Tilt Angle)

เขียนตัวย่อว่า PTA ค่ามาตรฐานประมาณ 7 องศา คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน + / – 4 องศา ค่ามุมเทหน้าแว่นมีผลต่อการมองระยะไกลและระยะใกล้ เพื่อให้แสงที่เดินทางจากวัตถุเข้าสู่ดวงตาได้ตรงกับจุดกึ่งกลางตาดำและลดการเบี่ยงแบนของแสง จึงไม่ควรใส่แว่นที่มีมุมเทมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น

– คนที่สันจมูกสูงกว่าร่องหู จะทำให้มุมเทน้อยลง ถ้าเราไม่ได้ดัดมุมเทให้กลับมาใกล้เคียงค่ามาตรฐาน เวลาส่งมอบแว่นให้คนกลุ่มนี้จะมีปัญหาเวลาการใช้งานระยะใกล้ )

– คนที่สันจมูกต่ำกว่าร่องหูจะทำให้มุมเทมากกว่าปกติ ถ้ามุมเทเกิน 11 องศา และไม่ดัดแว่นกลับมาให้ใกล้เคียงค่ามาตรฐาน จะทำให้พื้นที่การมองภาพระยะกลางและระยะใกล้แคบลง ทำให้ปรับตัวยากหรือบางท่านปรับตัวไม่ได้เลย )

3. ระยะห่างจากด้านหลังของเลนส์ถึงกระจกตา (Cornea Vertex Distance)

เขียนตัวย่อว่า CVD ค่ามาตรฐานของ CVD คือ 12-13 มิลลิเมตร ในการประกอบแว่นตาโพรเกรสซีฟจะต้องปรับแต่งค่า CVD ให้ได้ระยะห่างตามค่าที่เลนส์โพรเกรสซีฟแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา ค่า CVD มีผลต่อกำลังสายตาและลักษณะการเหลือบตาเวลาใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ เช่น เมื่อเลนส์ชิดตามากผู้ใส่จะรู้สึกว่าพื้นที่การมองกว้างขึ้น ภาพบิดเบือนน้อยลง มองไกลชัด แต่เหลือบตาลงมาอ่านหนังสือได้ยาก การเลือกแว่นจึงควรเลือกแว่นที่มีแป้นจมูก เพื่อลดการไหลตัวของแว่น มิฉะนั้นอาจทำให้การมองเห็นไม่ดีเท่าที่ควร แต่ความโด่งของสันจมูกคนเรานั้นไม่เท่ากัน ทำให้ต้องเลือกแว่นที่มีแป้นจมูก ที่สามารถดัดชดเชยกับความสูงของสันจมูกได้ด้วย

4. ระยะห่างระหว่างรูม่านตา (Pupillary Distance)

เขียนตัวย่อว่า PD คือ ระยะจากรูม่านตาของตาข้างหนึ่งไปถึงกึ่งกลางของรูม่านตาอีกข้างหนึ่ง ซึ่งค่า PD มาตรฐานอยู่ที่ 64 มิลลิเมตร ค่า PD ที่ใช้ในการตัดแว่นโปรเกรสซีฟจำเป็นจะต้องเป็นค่าที่วัดแยกข้าง โดยปกติแล้วหน้าคนเรามักไม่สมมาตร เช่น ตาข้างหนึ่งอาจจะสูงกว่าตาอีกข้างเล็กน้อย และระยะจากกึ่งกลางจมูกถึงรูม่านตาของตาข้างขวา อาจจะมีระยะไม่เท่ากับรูม่านตาของตาข้างซ้ายก็ได้

ถ้าหากวัดค่า PD ผิดพลาดมักพบปัญหาได้ทั้งการมองไกลและการอ่านหนังสือ เช่น เมื่อต้องอ่านหนังสือ การเหลือบตาอาจจะไม่ตกอยู่ในพื้นที่ของเลนส์ส่วนที่ใช้งานมองใกล้ได้พอดี ก็จะทำให้มุมมองแคบลงได้

ค่าพารามิเตอร์ของบริษัทเลนส์แต่ละบริษัทนั้น จะมีค่ากลางที่แตกต่างกันไปแต่ยังอยู่ในขอบเขตที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นเมื่อทำการเลือกแว่นตาที่เหมาะสมเข้ากับผู้สวมใส่ได้แล้ว หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของนักทัศนมาตร(หมอสายตา)และช่างประจำร้านแว่น ทำหน้าที่ปรับขาแว่นและดัดหน้าแว่นให้อยู่ในระนาบตรง เพื่อให้ได้แว่นตาที่เหมาะสมและมีคุณภาพที่จะช่วยให้การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

 


 

ติดต่อปรึกษาตรวจวัดสายตากับโอคูระ | มิติใหม่ของร้านแว่นตา พร้อมบริการแบบส่วนตัว T : 02-645-0192 l M : 081-611-6823 l Line : @occura l FB / IG : occuravision

100/74 อาคารว่องวานิช บี ชั้น 23 ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320

แว่นตาโอคูระ

100/74 อาคารว่องวานิช บี ชั้น 23 ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320

Recent Posts

This website uses cookies.