ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การวัดค่าสายตาด้วยตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายโดยการใช้เพียงแค่แอปพลิเคชัน หลายคนจึงคิดว่าสามารถตรวจวัดสายตาด้วยตัวเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปที่ร้าน แต่การวัดค่าสายตาด้วยแอปพลิเคชันจะมีความแม่นยำแค่ไหน สามารถนำค่าที่ได้ไปตัดแว่นสายตาได้หรือไม่ ในบทความนี้มีคำตอบ
|
|
ทำไมการตรวจวัดสายตาจึงสำคัญ ?
การวัดสายตาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน เนื่องจากการตรวจวัดสายตาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราได้รู้ถึงค่าสายตาในปัจจุบัน ส่งผลต่อการตัดแว่นที่มีค่าสายตาที่ถูกต้อง จึงช่วยส่งเสริมระบบการมองเห็นที่ดี อีกทั้งยังจะทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนใกล้เคียงกับค่าสายตาปกติ รวมถึงลดความเสี่ยงของปัญหาสายตาในอนาคตด้วย
วิธีวัดสายตาด้วยตัวเอง
การตรวจวัดสายตาด้วยตนเองจะมี 2 รูปแบบในปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้เราสามารถทราบค่าสายตาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปที่ร้านตัดแว่นตา
1. การใช้แอปพลิเคชัน
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันสำหรับใช้วัดค่าสายตาด้วยตัวเองจำนวนมาก สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนสมาร์ตโฟน ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ใช้หลักการเดียวกับเครื่องวัดสายตาแบบออโต้ โดยให้ผู้ใช้จ้องมองตัวอักษรหรือภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นจะวิเคราะห์ระยะห่างระหว่างตาและหน้าจอ คำนวณกำลังสายตาเพื่อแสดงผลลัพธ์
2. เครื่องวัดสายตาแบบ Auto
เครื่องวัดสายตาแบบออโต้ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้หลักการเดียวกับเครื่องวัดสายตาที่ใช้ในร้านแว่นตา โดยจะต้องมองเข้าไปในเครื่องเพื่อตรวจสอบการมองเห็น จากนั้นเครื่องจะคำนวณค่าสายตาโดยอัตโนมัติ มีความแม่นยำมากกว่าการใช้แอปพลิเคชัน
การวัดสายตาโดยนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
สำหรับการวัดสายตาที่ร้านแว่นตา จะมีนักทัศนมาตร (Optometrist) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดสายตาและสุขภาพตา โดยจะทำการตรวจวัดและประเมินความผิดปกติที่เกี่ยวกับการมองเห็น โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้
- ซักประวัติสุขภาพตาและการมองเห็น สอบถามเกี่ยวกับอาการมองไม่ชัด ปวดตา ปวดหัว หรือปัญหาสุขภาพตาอื่น ๆ ที่พบบ่อย
- ตรวจวัดค่าสายตาด้วยเครื่อง WAM (Wave Analyzer Medica) ได้ค่าสายตาที่มีความแม่นยำ ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน รวมถึงปัญหาสุขภาพตาอื่น ๆ
- ตรวจค่าสายตาอย่างละเอียด เพื่อที่จะให้ได้ค่าสายตาที่เหมาะสม สบายตา ปรับตัวง่าย ใส่แล้วไม่ปวดหัว
- ช่วยเลือกเลนส์และกรอบที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ทำให้ได้ทรงแว่นที่เข้ากับใบหน้า รวมถึงกรอบที่เหมาะกับค่าสายตา ใส่แล้วไม่มึนหัว
เปรียบเทียบการวัดสายตาด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน VS การวัดโดยนักทัศนมาตร
การวัดค่าด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันกับการวัดโดยนักทัศนมาตรมีความแตกต่างกัน ดังนี้
การวัดสายตาด้วยตัวเอง โดยใช้เครื่อง Auto หรือแอปพลิเคชัน
การวัดสายตาด้วยตัวเองมีข้อดีในเรื่องของความสะดวกสบาย สามารถวัดค่าสายตาได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ และสามารถติดตามค่าสายตาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความแม่นยำและถูกต้อง จึงไม่ควรนำค่าสายตาจากเครื่องวัดสายตาแบบ Auto ไปตัดเลนส์สายตาหรือซื้อแว่นตาสวมใส่เอง เนื่องจากเครื่องจะทำได้แค่เช็กค่าสายตาคร่าว ๆ ว่าอยู่ที่ประมาณเท่าไร อีกทั้งค่าที่วัดแต่ละครั้งอาจไม่แน่นอน จึงยังขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเครื่อง Auto และแอปพลิเคชัน ถูกตั้งค่าให้ทำตามซอฟต์แวร์เท่านั้น จึงไม่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับความสบายตา หรือความสะดวกในการสวมใส่แว่น รวมถึงไม่สามารถตรวจสุขภาพตาในเบื้องต้นได้เช่นเดียวกัน
การวัดโดยนักทัศนมาตร
นักทัศนมาตรเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจวัดสายตา และมีลำดับขั้นตอนในการวัดค่าสายตาเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
ในอันดับแรกจะสอบถามผู้รับการตรวจ เพื่อคัดกรองการมองเห็นที่ผิดปกติว่าเกิดจากค่าสายตาหรือโรคทางตาที่ต้องพบจักษุแพทย์ หากพบว่าสาเหตุเกิดจากค่าสายตาจะดำเนินการในขั้นต่อไป เพื่อทำการแก้ไขอาการผิดปกติด้วยการใช้แว่นตา หรืออาจใช้การบริหารกล้ามเนื้อตาร่วมด้วย
ในกรณีที่พบว่าการมองเห็นผิดปกติเนื่องจากโรคตา จะแนะนำให้เข้ารับการรักษาก่อนแล้วจึงมาตัดแว่นในภายหลัง ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับการตรวจวัดค่าสายตาที่แม่นยำแล้ว ยังให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- ความสบายในการสวมใส่แว่นตา เมื่อใส่แล้วปรับตัวได้ง่าย ไม่ปวดตา ปวดหัว
- พฤติกรรมการใช้สายตา เพื่อแนะนำเลนส์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากค่าสายตาและพฤติกรรมของแต่ละคนมีความซับซ้อนและแตกต่างกัน เลนส์แต่ละประเภทจึงถูกผลิตและออกแบบด้วยโครงสร้างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล
- กรอบแว่นที่เหมาะสม เพราะหากกรอบไม่เหมาะสมที่จะนำมาทำแว่นสายตา อาจทำให้ไม่สบายตา ภาพเบลอจนไม่สามารถสวมใส่ได้
เมื่อวัดสายตาเสร็จแล้ว นักทัศนมาตรจะแนะนำการใช้งานแว่นตาแต่ละประเภทและการปรับตัวที่ถูกต้องให้แก่ลูกค้าโดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับแว่นโปรเกรสซีฟ หากไม่ได้รับคำแนะนำในการใช้งานที่ดีพอก็อาจทำให้สวมใส่ไม่สบายตา และไม่สามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้
เปรียบเทียบการวัดสายตาด้วยตัวเอง VS นักทัศนมาตร
การวัดค่าสายตาด้วยตัวเอง | การวัดโดยนักทัศนมาตร | |
ความเชี่ยวชาญและความแม่นยำ | เป็นการวัดค่าสายตาในเบื้องต้น ไม่สามารถตรวจจับความซับซ้อนของปัญหาทางสายตาได้อย่างละเอียด | วัดสายตาด้วยความเชี่ยวชาญ และใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง ทำให้สามารถวัดและประเมินความผิดปกติได้ละเอียด รวมถึงปัญหาสุขภาพตาที่ซับซ้อน |
การประเมินสุขภาพดวงตา | ไม่ได้มีฟีเจอร์ที่สามารถแก้ปัญหาการมองเห็นที่เกิดจากสุขภาพตาอื่น ๆ อย่างโรคต้อ หรือสัญญาณของโรคตาอื่น ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อการมองเห็น | สามารถตรวจสุขภาพตาได้อย่างละเอียด หากเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่แว่นตา จะแนะนำให้พบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป |
ความสะดวก | สะดวกสบาย สามารถตรวจวัดสายตาด้วยตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องเดินทาง | ต้องเดินทางไปที่ร้านตัดแว่น ซึ่งอาจจะต้องนัดหมายล่วงหน้า หรือต้องรอคิวเพื่อพบกับนักทัศนมาตร |
การให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล | ไม่สามารถให้คำแนะนำแบบเฉพาะเจาะจงตามปัญหาของแต่ละคนได้ | สามารถให้คำแนะนำตามปัญหาของแต่ละบุคคล รวมถึงการเลือกแว่นที่เหมาะสมกับค่าสายตาและรูปหน้าได้ |
ความครอบคลุมในการตรวจวัด | วัดเพียงแค่การมองเห็นและค่าสายตาเท่านั้น ไม่สามารถตรวจปัญหาสุขภาพตาอื่น ๆ ได้ | ครอบคลุมในทุกแง่มุมเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพตา ทั้งความสมดุลของกล้ามเนื้อตา การวัดระยะโฟกัส การเคลื่อนไหวของลูกตา ซึ่งเป็นรายละเอียดที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล |
สรุปแล้วจะเห็นได้ว่าการวัดค่าสายตาด้วยตัวเองโดยเครื่อง Auto หรือผ่านแอปพลิเคชันเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากการวัดสายตาที่ถูกต้องและการให้คำแนะนำที่เหมาะสม อาจส่งผลต่อการใช้งานแว่นที่ตัดมาเอง ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถปรับตัวใช้งานแว่นได้ หรืออาจทำให้ได้ค่าสายตาที่ไม่ตอบโจทย์ปัญหาการใช้งานสายตาที่แท้จริง แนะนำให้เข้ามาตรวจวัดสายตาและตัดแว่นอย่างละเอียดกับนักทัศนมาตร เพื่อแก้ไขปัญหาสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สัญญาณที่บ่งชี้ว่าควรวัดสายตากับนักทัศนมาตร
โดยปกติแล้ว แนะนำให้ทุกคนตรวจวัดสายตากับนักทัศนมาตรเป็นประจำทุกปี แต่หากว่ามีอาการดังต่อไปนี้ แนะนำให้มาตรวจวัดค่าสายตา
- มองเห็นไม่ชัดเจน ไม่สามารถอ่านหนังสือหรือมองเห็นได้ ทั้งในระยะใกล้หรือไกล
- ปวดตาและปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้สายตานาน ๆ
- มองกลางคืนไม่ชัด รวมถึงที่ที่มีแสงน้อย
- เห็นภาพซ้อน หรือมีอาการตาพร่า
- มองเห็นแสงระยิบระยับข้างตา หรือเห็นแสงข้าง ๆ ตา
บริการดูแลสายตาที่ครบวงจร
ปัญหาสายตาของแต่ละบุคคล ต้องการคำแนะนำและการดูแลที่ต่างกันไป นอกจากบริการตรวจวัดสายตาโดยนักทัศนมาตรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำสามารถนำไปตัดเลนส์แว่นได้ในราคาที่ตอบโจทย์ โอคูระยังมีบริการให้คำปรึกษา คัดสรรเลนส์ที่เหมาะกับค่าสายตา พร้อมแนะนำการเลือกกรอบแว่นตาให้เข้ากับรูปหน้า และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
ติดต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสายตาและตรวจวัดค่าสายตาได้ที่ Occura
คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการตรวจวัดสายตาด้วยตัวเอง
เราควรตรวจวัดสายตาด้วยตัวเองหรือไม่ มีความแม่นยำมากเพียงใด ?
สามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องผิด และสามารถบอกค่าสายตาเบื้องต้นได้ แต่ไม่แม่นยำเท่ากับการตรวจวัดสายตาโดยนักทัศนมาตร ดังนั้น หากพบว่าสายตามีความผิดปกติหรือต้องการตัดแว่นสายตา ควรนัดหมายกับนักทัศนมาตรจะดีกว่า
ความถี่ในการตรวจวัดสายตาด้วยตัวเอง
โดยปกติคนทั่วไปจะแนะนำให้ตรวจวัดสายตาประมาณ 1 ปีครั้ง แต่การวัดสายตาด้วยตัวเองบ่อย ๆ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพดวงตา สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ปัญหาสุขภาพตาที่สามารถทราบได้จากการตรวจวัดสายตาด้วยตัวเองมีอะไรบ้าง ?
สามารถตรวจพบการมองเห็นในเบื้องต้น อย่างสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง แต่ไม่สามารถบอกถึงสาเหตุที่มีความซับซ้อนได้